ชาวขอนแก่นยังไม่มั่นใจ ครม.อิ๊งค์ 2 เหตุส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมๆ
ชาวขอนแก่นยังไม่มั่นใจ ครม.อิ๊งค์ 2 เหตุส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมๆ
Blog Article
แทบหมดหวังแก้ปัญหาปากท้องชาวจังหวัดขอนแก่น 123vip ยังไม่มั่นใจกับการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมๆ อยากให้เน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะทุกวันนี้ค้าขายลำบากเมื่อวันที่ 3 ก.ค.68 หลังที่มีการพักการปฏิบัติหน้าที่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และมีการทูลเกล้ารับแต่งแหน่งของรัฐมนตรี ครม.2 โดยประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่น ยังคงไม่มั่นใจกับการปรับ ครม.ชุดนี้ เพราะที่ผ่านมา 2 ปี ปัญหาเศรษฐกิจก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเจ้าของร้านทองอุเทน กล่าวว่า ขณะนี้บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงวุ่นวาย อีกทั้งเศรษฐกิจยังไม่ดีกระทบภาคครัวเรือน อยากให้รัฐบาลอย่าคิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง อยากให้คิดถึงปากท้องของประชาชนด้วย เพราะหากประชาชนหากินลำบาก ประเทศชาติก็จะเดินหน้าลำบากตามด้วย ส่วนการปรับ ครม.ชุดใหม่ ก็เหมือนเอาคนเดิมๆ มาบริหารประเทศ สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกจะต้องดูแลเรื่องปากท้องประชาชน ปัญหาหนี้สินครัวเรือน เพราะตอนนี้การค้าขายนั้นลำบาก
ด้านแม่ค้าปลาในตลาดสด บอกว่า 123vip หลังจากที่เห็นการปรับโฉม ครม.ชุดใหม่ ก็เป็นคนเดิมๆ ที่เคยเข้ามาบริหารประเทศ จนแทบหมดหวังว่าจะมีการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนได้หรือไม่ แม้แต่โครงการรัฐบาล เช่นเงินช่วยเหลือค่าปุ๋ย เกษตรกรก็ต้องไปซื้อปุ๋ยอย่างเดียว แทนที่จะนำเงินไปซื้ออย่างอื่นได้ และปุ๋ยก็เป็นปุ๋ยเคมี ตรงข้ามกับการส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ อยากให้นายกรัฐมนตรีลาออกากตำแหน่ง จากนั้นมีการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้ง จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากขณะที่ผู้จัดการตลาดสดบางลำพูจังหวัดขอนแก่น บอกว่า ตอนนี้แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะถูกพักการปฎิบัติหน้าที่ แต่สุดท้ายขั้วการเมืองเก่าก็ต้องกลับมา เนื่องจากจะต้องรักษาอำนาจเก่าไว้ ส่วนการปรับ ครม.ชุดใหม่นั้น ก็เป็นการปรับเปลี่ยนก่อนที่จะมีการหยุดปฎิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง สุดท้ายนายกรัฐมนตรี ก็จะใช้เหตุผลเดิมๆ แก้ตัวคือไม่ได้เจตนาส่วนรัฐบาลรักษาการ ก็น่าจะทำให้มีอะไรที่ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมา 2 ปี เศรษฐกิจก็ไม่ดี ซื้อไม่ง่าย ขายไม่คล่อง ที่ผ่านมามีการผลักดันให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเองมองว่ายังไม่มีประสิทธิภาพในการเป็นผู้นำประเทศ จนทำให้การเมืองในสภากลับต้องมีประชาชนมาเดินบนถนนเรียกร้องตามหลักประชาธิปไตย